“อนุมูลอิสระ” ตัวการร้ายทำลายเซลล์ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย แม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ได้เองแต่ก็อาจไม่เพียงพอ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอความเสื่อมของของเซลล์ในร่างกาย ดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดปริมาณสารอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย

ทำความรู้จักอนุมูลอิสระ

อนุมูลอิสระ (Free Radical) คือโมเลกุลหรืออะตอมที่ขาดอิเลกตรอน ซึ่งโดยปกติในร่างกายจะมีอิเลคตรอนอยู่เป็นจำนวนคู่ หากร่างกายมีการสูญเสียอิเลคตรอนจากการถูกอนุมูลอิสระแย่งจับ จะทำให้โมเลกุลของเซลล์ในร่างกายไม่เสถียร ขาดความสมดุล ซึ่งส่งผลทำให้เซลล์ร่างกายเสียหายได้ ซึ่งหากร่างกายมีปริมาณอนุมูลอิสระมากอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมา

โดยอนุมูลอิสระมาจากมลพิษในอากาศ โอโซน ไนตรัสออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ฝุ่น ควันบุหรี่ อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว แสงแดด ความร้อน รังสีแกมม่า และอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างขึ้น

ต้านอนุมูลอิสระได้ด้วยการเลือกทาน

นอกจากการนอนให้เพียงพอ ลดเครียด หลีกเลี่ยงมลภาวะต่าง ๆ เช่น PM 2.5 รังสี UV และความร้อนแล้วเรายังสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรง อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังส่งผลดีต่อผิวพรรณ และยังช่วยชะลอวัยอีกด้วย

สารต้านอนุมูลอิสระมีมากในอาหารประเภทใด

แบ่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระออกเป็นกลุ่มตามชนิดสารอาหารได้ดังนี้

• • เบต้าแครอทีน เป็นสารที่ให้สีเหลือง ส้ม และแดงในผักผลไม้ จัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้มีน้ำมีนวลเปล่งปลั่ง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค และช่วยในการบำรุงสายตา

    เบต้าแครอทีนพบมากในผักและผลไม้ที่มีสีส้ม เช่น มะเขือเทศ แครอท น้ำเต้า แคนตาลูป ฟักทอง มะม่วง นอกจากนี้ยังพบได้ในผักใบสีเขียวบางประเภท เช่น ผักขม กะหล่ำปลี ปวยเล้ง ผักเคล และบร็อกโคลี เมื่อทานผักผลไม้เหล่านี้ ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้เป็นวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันและลดจำนวนอนุมูลอิสระในร่างกาย จึงอาจช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้

  • ลูทีน มีส่วนช่วยในการทำลายสารอนุมูลอิสระอย่างมาก ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในการมองเห็น ช่วยป้องกันประสาทตาเสื่อม ช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา และช่วยทำให้เซลล์ตาแข็งแรง

    ลูทีนพบได้มากใน ผักขม กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา ถั่วแขก ถั่วพิสตาชิโอ โกจิเบอร์รี ดอกดาวเรือง ข้าวโพด อโวคาโด ต้นอ่อนกะหล่ำดาว แตงกวา บวบ และไข่ ฯลฯ

  • ไลโคพีน มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า

    ไลโคพีนพบมากในมะเขือเทศ แตงโม มะละกอ องุ่น ส้ม ฝรั่ง และฟักข้าว ซึ่งในการวิจัยของประเทศไทยพบว่าฟักข้าวมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศถึง 20-70 เท่า

  • ซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการน้อยแต่จำเป็นต้องได้รับทุกวัน เป็นแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับสังกะสี ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระส่วนเกินและปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่อาจนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ

    ซีลีเนียมพบได้พืชที่ปลูกลงดินและพบได้ในเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ หอยนางรม หอยแครง ปลาซาร์ดีน ปลาทู ไข่ ถั่ว รวมถึงผักผลไม้ เช่น ชะอม กะหล่ำดอก แครอท และหน่อไม้ฝรั่ง

  • วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์ ช่วยสมานแผล เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน กระดูก ฟัน และเอ็น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น การกินอาหารที่มีวิตามินซีจึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินซีเองได้ ปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับในผู้ชายเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อวัน และผู้หญิง 85 มิลลิกรัมต่อวัน

    วิตามินซีพบได้มากในผักผลไม้ เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี มะเขือเทศ ดอกสะเดา ผักหวาน มะนาว ฝรั่ง มะละกอสุก ส้ม มะขามป้อม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ กีวี่ มะนาว เลมอน ธัญพืช และเนื้อสัตว์บางประเภท เช่น เนื้อวัว เป็ด ไก่ และปลา

  • วิตามินอี วิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นจะต้องได้รับทุกวัน ละลายได้ในไขมัน ทำหน้าที่ในการปกป้องผนังเซลล์ไม่ให้เสียหายจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระ โดยการดักจับอนุมูลอิสระที่ผ่านเข้ามาแล้วทำให้สิ้นฤทธิ์
    
    – วิตามินอีพบได้ในถั่วเมล็ดแห้งและน้ำมันพืช เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ เฮเซลนัท เมล็ดทานตะวัน และเนยถั่ว
    – น้ำมันพืชชนิดต่าง ๆ เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง
    – ผักใบเขียว เช่น บร็อกโคลี และปวยเล้ง
    – ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผ่านกระบวนการเติมวิตามินอี เช่น น้ำผลไม้ ซีเรียล
  • สังกะสี แร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายในเรื่องการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง ผม เล็บ จึงมีส่วนช่วยในการสมานแผล รักษาแผลต่างๆให้หายเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบได้ดี ดังนั้น ปัญหาผิวที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เช่น ปัญหาสิว รอยแผลเป็นจากการเป็นสิว ก็สามารถสมานให้หายได้ดีขึ้นด้วยการ

    สังกะสีพบได้ในเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเครื่องในสัตว์ รวมทั้งหอยนางรม ปู ปลา ผักเคล เห็ด ถั่วเหลือง ถั่วลูกไก่ ถั่วเลนทิล (Lentils) อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง นมและผลิตภัณฑ์นม

  • แอสตาแซนธิน สารสีส้มแดงในกลุ่ม carotenoid (สารกลุ่มวิตามินเอ) ในธรรมชาติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศัก้ยภาพมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังได้รับการปกป้องจากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้แอสตาแซนธินยังช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่เป็นอันตราย รวมทั้งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชิ้นของผิวและช่วยให้ผิวปราศจากริ้วรอย

    แอสตาแซนธินพบได้ในสาหร่ายสีแดง (Haematococcus Pluvialis) ปลาแซลมอน และกุ้งชนิดเล็ก

ดูแลผิวด้วยแอสตาแซนธินสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระใน NADE’ Collagen Jelly

NADE’ Collagen Jelly คอลลาเจนเจลลี่ 10,000 มิลลิกรัมที่รวมเอาสารสกัดพรีเมียมกว่า 12 ชนิด ที่ช่วยดูแลผิวอย่างล้ำลึกจากภายใน รวมถึงสุดยอดสารสกัดต้านอนุมูลอิสระอย่างแอสตาแซนธิน ซึ่งมีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์และกระบวนการออกซิเดชั่นที่มีผลทำให้เกิดริ้วรอยและการเสื่อมของเซลล์ก่อนวัยอันควร ลดการอักเสบทั่วร่างกาย และช่วยในเรื่องของผิวพรรณ

แอสตาแซนธินอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง

• • สูงกว่าวิตามินซี 6,000 เท่า
  • สูงกว่าวิตามินอี 1,000 เท่า
  • สูงกว่าโคเอนไซม์คิวเทน 800
  • สูงกว่าสารสกัดจากชาเขียว 560 เท่า
  • สูงกว่าอัลฟาไลโปอิก 75 เท่า

ต้านอนุมูลอิสระและดูแลผิวอย่างล้ำลึก เลือก NADE’ Collagen Jelly ประโยชน์ครบในซองเดียว

• • Collagen Dipeptide+Tripeptide ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย
  • L-Glutathione กระจ่างใส
  • Grape Extract ลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • Astaxanthin ปกป้องผิวจากแสงแดด ไม่ให้ผิวคล้ำเสีย
  • Collagen Type II บำรุงกระดูก ข้อต่อ และข้อเข่า
  • Zinc ลดการเกิดสิวจากฮอร์โมน
  • Biotin ลดผมหลุดร่วง บำรุงเล็บให้แข็งแรง
  • Vitamin C เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของคอลลาเจน
  • 0% Sugar&Fat